สำนักงาน สกสค. จับมือ ธนาคารออมสิน ร่วมกันแก้ปัญหาหนี้ครู พร้อมเดินหน้าสรรหาบริษัทประกันสินเชื่อในอั...
- ข่าวการศึกษา
- สำนักงาน สกสค. จับมือ ธนาคารออมสิน ร่วมก...

ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับธนาคารออมสิน เรื่องการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ ว่า จากการที่สกสค.ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้สินของครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2567 ปรากฏว่ามีครูและบุคลากรทางการศึกษาที่กู้เงินโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. - ช.พ.ส. อยู่จำนวน 334,795 บัญชี เป็นยอดเงินรวมทั้งสิ้น 273,838 ล้านบาท จนปัจจุบันเป็นระยะเวลา 1 ปี สำนักงาน สกสค.ได้มีการประชุมหารือกับธนาคารออมสิน ในการแก้ไขบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของปี พ.ศ. 2552 และ 2553 ซึ่งมาจากการที่สมาชิกได้มีการร้องขอความร่วมมือจากธนาคารให้ช่วยหาบริษัทสินเชื่อและประกันภัยในอัตราที่เป็นธรรมหรือมีอัตราที่ถูกลง โดยเพิ่มเติมถึงประเด็นการสรรหาผู้รับประกันสินเชื่อให้สมาชิกได้เป็นทางเลือกตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ซึ่งจากการประชุมร่วมกันทำให้ สกสค.และธนาคารออมสินสามารถจัดหาบริษัทร่วมกันได้จากเดิมที่มีการผูกไว้กับเพียงแค่บริษัทประกันเดียว ทั้งนี้ การสรรหาผู้รับประกันสินเชื่อให้สมาชิกได้เป็นทางเลือกนั้น จะมีการกำหนดมาตรฐานของบริษัทประกัน เพื่อให้ครูได้ประโยชน์อย่างสูงสุด โดยบริษัทประกันจะต้องอยู่ในรายชื่อของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) รวมถึงบริษัทประกันนั้นต้องเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านประกันสินเชื่อด้วย
อย่างไรก็ตาม การทำประกันสินเชื่อยังคงให้เป็นไปตามความสมัครใจของสมาชิกเช่นเดิม โดยธนาคารออมสินจะลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับสมาชิกโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. - ช.พ.ส. เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ลดภาระค่าครองชีพแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่เป็นสมาชิกโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.- ช.พ.ส. และสินเชื่อโครงการเกื้อกูลผู้ประกอบวิชาชีพทางการการศึกษา ระหว่างวันที่ 1 ก.ค. - 31 ธ.ค. 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งมีครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับความช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นจำนวน 230,000 ราย สามารถช่วยลดภาระ ดอกเบี้ยรวมปีละ 1,600 ล้านบาท ตามที่ สกสค. ร้องขอไป
เลขาธิการ สกสค. กล่าวต่อไปว่า สกสค. ยังร่วมกับธนาคารออมสินให้ชะลอหรือระงับการฟ้องร้องและบังคับคดี เพื่อเปิดโอกาสให้มี การเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ลดดอกเบี้ยหรือสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งให้ระงับการคิดดอกเบี้ยทันทีที่ผู้กู้เสียชีวิต โดย สกสค. เปิดให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับความเดือดร้อนลงทะเบียนอีเล็กทรอนิกส์ แสดงความจำนงขอเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และได้ส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ซึ่งธนาคารออมสินได้แจ้งผลการพิจารณาให้ทราบว่าได้แก้ไขสำเร็จไปแล้วทั้งสิ้น 8,868 ราย คิดเป็นมูลค่าความช่วยเหลือรวมประมาณ 14,917 ล้านบาท
ดร.พีระพันธ์ กล่าวอีกว่า ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู สกสค.และธนาคารออมสินเห็นร่วมกันว่าครูที่เข้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้ และให้ความร่วมมืออย่างดีคือมีการชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดการชำระหนี้จะได้รับสิทธิพิเศษด้วยการปรับลดดอกเบี้ยชำระหนี้เหลือ 0% ในอัตราคงที่เป็นระยะเวลา 1 ปีด้วย พร้อมกันนี้ สกสค.ยังคงเดินหน้าหาแนวทางให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาต่อไป ตามนโยบายของรัฐบาลและพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ด้านการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้ครูสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระด้านการเงินเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น