"เกศทิพย์" เยือนห้องสมุดประชาชนเชียงใหม่ ก้าวสำคัญของแหล่งเรียนรู้มีชีวิต เชื่อมสู่มรดกทางวัฒนธรรม

   ดร.เกศทิพย์ ได้รับฟังรายงานผลการดำเนินงานกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ของห้องสมุด พร้อมให้แนวทางพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนให้ห้องสมุดเป็น “พื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่มีชีวิต” จัดกิจกรรมได้อย่างหลากหลายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมสร้างอาชีพและส่งเสริมรายได้อย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนสามารถนำความรู้ไปต่อยอดสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้จริง พร้อมกันนี้ได้เสนอแนวทางพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศดิจิทัลของห้องสมุดให้สมบูรณ์และเชื่อมโยงข้อมูลอย่างเป็นระบบ รวมถึงการปักหมุดแหล่งเรียนรู้ผ่าน Google Map เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และทันสมัย โดยภายหลังการประชุม คณะได้เยี่ยมชมพื้นที่ภายในห้องสมุด ซึ่งประกอบด้วยห้องการเรียนรู้ มสธ., ห้อง Meeting Room, ห้องสอนภาษาเกาหลี, ห้องอ่านหนังสือ, ห้องทรงงานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ห้องเรียนกลุ่ม, ห้องฐานการเรียนรู้ “ปั๊บสา ผญ๋าคนเมือง” และมุมหนังสือบริการประชาชน โดยได้สอบถามถึงหนังสือที่ได้รับความนิยมสูงสุด พร้อมให้แนวทางปรับรูปแบบบริการให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ใช้ในยุคปัจจุบัน

   นอกจากนี้ ยังได้แนะนำให้ห้องสมุดนำแนวทางการประชาสัมพันธ์กิจกรรมในรูปแบบเดียวกับ “ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ – ศูนย์กลางแห่งความสุขทุกครอบครัว” เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัย เป็นมิตร และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัย

คณะได้เยี่ยมชมห้องเด็กและเยาวชน ซึ่งมีการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ในบรรยากาศที่อบอุ่นและสนุกสนาน ส่งเสริมให้เด็ก ๆ รักการอ่านและเรียนรู้อย่างมีความสุข สะท้อนเจตนารมณ์ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ในการผลักดันห้องสมุดประชาชนให้เป็น “พื้นที่แห่งความสุข ที่ทุกคนเข้ามาแล้วได้ทั้งความรู้และแรงบันดาลใจ”

โอกาสนี้ ดร.เกศทิพย์ได้กล่าวให้ข้อคิดว่า “หนังสือคือประตูแห่งความสำเร็จ ที่เปิดโอกาสให้เราได้ต่อยอดความรู้ หนังสือจึงเป็นจุดเริ่มของความคิดสร้างสรรค์ และการใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่า ข้อคิดจากหนังสือจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราก้าวสู่ความสำเร็จในทุกเรื่อง มาร่วมกันอ่านหนังสือ เพื่อสร้างชีวิตที่ดีขึ้น และเดินหน้าสู่ความสำเร็จด้วยพลังของการเรียนรู้ตลอดชีวิต”

จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองแห่งการเรียนรู้ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Global Network of Learning Cities) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวเชียงใหม่ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายเมืองที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตในระดับนานาชาติ เชียงใหม่เป็นเมืองที่มีรากวัฒนธรรมและอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นสืบทอดมายาวนานกว่า 720 ปี ทั้งในด้านศิลปะ ประเพณี และความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นทุนทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าที่สามารถต่อยอดสู่การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์และสังคมแห่งการเรียนรู้ได้อย่างยั่งยืน การขับเคลื่อน “Chiang Mai Learning City” มุ่งสร้างนิเวศแห่งการเรียนรู้ (Learning Ecosystem) ที่เชื่อมโยง “ความเก่า” กับ “ความใหม่” อย่างกลมกลืน โดยนำอัตลักษณ์ล้านนาและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสมผสานกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเชียงใหม่ และขยายผลสู่การเป็น “เมืองมรดกโลกแห่งการเรียนรู้ (World Heritage Learning City)” ในอนาคต